หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

ตกขาว...อย่าตกใจ รู้ทันตกข่าว

       อาการตกขาวเป็นอาการที่พบได้บ่อยในสุภาพสตรีแต่หากท่านสุภาพสตรีเผชิญภาวะตกขาวด้ยความเคยชินอาจจะทำให้พลาดบางอย่างไปจนอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไขได้ยากในภายภาคหน้าฉะนั้นเรามาทำความรู้จักกับสภาวะตกขาวให้มากขึ้นกันเถอะครับ
     "ตกขาว" เรียกได้หลายชื่อ บางครั้งเรียกว่า "ระดูขาว" บางคนเรียกสะหรูว่า "มุตกิต" ความหมายของคำว่า ตกขาว คือ สิ่งที่ถูกขับออกทางช่องคลอดซึ่งอาจไม่ใช่เลือกมีสีขาว หรือ เหลืองปนเขียว หรืออาจเป็นสีน้ำตาล ซึ่งสีและลักษณะของอาการตกขาวจะสามารถบกบอกภาวะความผิดปกติของช่องคลอดได้ เรามาดูข้อมูลที่น่าสนใจกันต่อ
    ตกขาวในภาวะปกติมักจะพบช่วงเวลาใกล้ตกไข่ประมาณวันที่ 13-14 ของการมีระดู 2-3 วัน การกระตุ้นหรือเล้าโลมทางเพศอาจไหลออกมาเป็นเมือกไส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น โดยภาวะความผิดปกติที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากนี้ ท่านสุภาพสตรีสามารถเช็คได้ด้วยตัวเองดังต่อไปนี้
- ตกขาวมีเมือกไส สีขาวขุ่น กลิ่นเหมือนปลาเน่า วินิจฉัยเบื้องต้น ว่าอาจติดเชื้อแบคทีเรีย
- ตกขาวเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็นผิดปกติมีอาการคันร่วมด้วย วินิจฉัยเบื้องต้นว่า อาจมีพยาธิในช่องคลอด
- ตกขาวแบบมีสีขาวเกาะกันเป็นก้อนคล้ายแป้งเปียก มีกลิ่นอับ วินิจฉัยเบื้องต้นว่าอาจจะมีการติดเชื้อราในช่องคลอด
    สาเหตุของอาการตกขาวที่ผิดปกติพบว่าร้อยละ 30-35 เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งความเสี่ยงที่พอจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ คือ การใช้กระดาษชำระหรือผ้าที่ไม่ชะอาดเช็ดอวัยวะเพศ หรือรูปแบบการเช็คกระดาษทิชชู่จากหลังไปหน้า หรือ การใช้สายฉีดชำระที่ไม่สะอาด และมีเพียงร้อยละ 10 ที่เกิดจากเชื้อพยาธิ คุณสุภาพสตรีควรใส่ใจและดูแลในเรื่องดังกล่าวให้รัดกุม เพราะโรคร้ายแรบางงอย่าง เช่น มะเร็งปากมดลูก อาจนำมาด้วยอาการเพียงตกขาวหรือมีเลือดออกกระปิดกระปอยเท่านั้น
   สำหรับวัยกับการเกิดสภาวะตกขาวที่ผิดปกติมีความเกี่ยวข้องกันดังนี้
   - วัยเด็ก เกิดจากความสกปรก สุขอนามัยไม่ดี หรือเกี่ยวกับสิ่งแปลกปลอมที่เด็กยัดเข้าไปในช่องคลอด
  - วัยเจริญพันธุ์ มักเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
 - วัยหมดระดู มักเกิดจากฮอร์โมน

    การดูแลรักษาสภาวะตกขาวที่ผิดปกติ
- การใช้ยา มีแบบยาเหน็บช่องคลอดและยาฆ่าเชื้อในช่องคลอดซึ่งควรปรึกษาเภสัชก่อนซื้อมารับประทาน
- การรักษาป้องกันด้วยตนเอง วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในระยะยาว ควรดูแลความสะอาดภายในโดยเฉพาะจุดซ่อนเร้นอย่าให้อับชื้น และการออกกำลังกายดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรงเสมอ และไม่ควรรับประทานยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
   การป้องกันย่อมดีกว่าเป็นแล้วรักษาดังนั้นขอท่านสุภาพสตรีทุกท่านมีสุขภาพดี นำสู่ความสุขที่ยั่งยืนยาวนานต่อไป

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
-www.variety.teenee.com/foodforbrain/966.html
-www.women.thaiza.com/ตกขาวคืออะไร/71895
-www.manager.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น